วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

back to school

หลังจากที่กลับมาได้ 1 อาทิตย์(ถึงไทยตอนวันอังคารที่ 21 กค 2009)

แล้วก็จัดของ พักผ่อน ปรับตัวให้เข้ากับสภาพของเมืองไทย
ทั้งเรื่อง เวลา อาหาร ผู้คน ภาษา และสภาพอากาศ

พอวันเสาร์ก็มีงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนตอนประถม ก็สนุกดี มีแต่คนผอมลง
แปลกใจ บางคนก็หน้าเหมือนเดิม แต่ก็เอาเป็นว่าคุ้มค่าที่ไป

วันอาทิตย์ก็ขึ้นมา กทม เข้าหอ จัดของ นอนแต่หัวค่ำเตรียมตัวไปโรงเรียน

--------------------------------------------------------------------

วันจันทร์ก็ออกไปโรงเรียนกับพ่อแต่เช้า ต้องไปทำเรื่องมอบตัวเข้าห้องเรียน
เอกสารก็ไม่ครบ คือขาดทุกอย่างก็ว่าได้ เลยเตรียมกับพ่อว่าคงกลับจันทบุรีราวๆเที่ยง

พอรู้ว่าเรียน 932 ก็ดีใจเล็กน้อยเรื่องที่จะได้อยู่ห้องเย็น(ซึ่งภายหลังได้ทราบว่านั่งตรงพัดลมมันหนาวเกินไป) จากนั้นก็ไปเข้าห้องเรียน พอเจออาจารย์ประจำชั้นก็รู้สึกแปลกใจ แล้วก็เข้าห้องเรียน

ก็ไปนั่งข้างหลังสุดกับน้องอีกคนที่กลับมาจาก afs แต่พาสมา สรุปคือเรารุ่นพี่ของทั้งห้อง
บริเวณที่นั่งจะถูกล้อมรอบด้วยผู้หญิง ซึ่งคิดว่าคงจะหาคนคุยยากแน่ๆ แล้วก็จริง(ฮ่ะๆ) ใจจริงคืออยากย้ายไปนั่งแถวๆผู้ชายเพราะจะได้หาเพื่อนได้ง่ายหน่อย

ก็มีน้องๆมาทักทายบ้างเปนบางอารมณ์ของน้องๆเค้า บางคนก็มาเก็บเงินค่าหนังสือ พูดถึงเรื่องหนังสือ ตอนนี้ยังไม่ครบเลย หาหนังสือเก่าๆปีที่แล้วไม่ได้ไม่รู้เก็บไว้ไหน เลยต้องซื้อใหม่เกือบหมด

นั่งเรียนไปก็เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง อาจารย์ที่ได้ก็เฉยๆนะเราว่า โดยเฉพาะฟิสิกส์ ซึ่งสังเกตมาหนึ่งอาทิตย์ ไม่มีใครสนใจเรียนเลย จริงๆ อาจารย์แกก็ยืนคำนวณ พิสูจน์อะไรก็ไม่ทราบ ก็ลองพยายามเรียนดูนะ แต่รู้สึกเหมือนมันไม่ค่อยมีประโยชน์ยังไงไม่รู้ แต่ก็เอาเถอะ นั่งฟังอยู่ 20 นาทีเราก็ลงหมอบกับโต๊ะแล้ว จากนั้นคาบฟิสิกส์ก็เหมือนคาบว่างจริงๆ นั่งทำการบ้านบ้าง คุยบ้าง อ่านการ์ตูนกันบ้าง บลาๆ

พอวันศุกร์ก็ไป รด. สรุปคือเรายังมีชื่ออยู่ กลับมาทันเวลา ถ้ากลับช้าไปอีกอาทิตย์เดียวเราโดนตัดชื่อแน่นอน เพราะตอนนี้ขาดไปครบถ้วน 4 ครั้ง ถ้าจะขาดอีกคงต้องใช้ศาสตร์มืดเข้าช่วย

จบไปสำหรับอาทิตย์แรก ก็รู้สึกเซงๆว่าคุยกับใครไม่รู้เรื่อง เนื่องจากไม่มีใครพูดเรื่องที่เราสามารถคุยด้วยได้ประมาณนั้น

รู้สึกอยากไปแลกเปลี่ยนอีก เราว่ามันคุ้มค่ามากมาย x)

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

goin back

กำลังเดินทางกลับ...

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ชื่อเรื่อง

มีใครได้ยินเรื่องไข้หวัดใหม่กันบ้าง

ที่นี่มีเรียกกันบ้างครั้งว่า ไข้หวัดหมู XD

ตอนแรกเหนว่าอยู่ทาง Mexico แต่พอไม่นานทาง Illinois(หนังสือพิมพ์) บอกว่า

"Flu is here"

เลยกลัวกันไปใหญ่ ที่ได้ยินก็มากกว่า 10 คนที่ติดแล้วอ่ะนะ
ติดได้ยังไงนั้น

ไม่รู้อ่ะ

ที่จะบอกก็คือตอนนี้ที่โรงเรียนมีแต่คนป่วย
จาม ไอ เปนหวัด กันทั้งโรงเรียน เดินไปที่ไหนก็เหนแต่คนป่วย

เราก็หนึ่งในนั้น

เหตมันก็เกิดจากคืนวันพุธ อากาศก็นะ spring
แอบหนาวได้อีก ใส่กางเกงขาสั้นตอนกลางคืน

มันก็เลยเปนหวัด แต่ที่เศร้าคือป่วยตอนนี้นี่ลำบาก
อาจจะติดไอ้ไข้หวัดใหม่ก็ได้ แต่ก็ยังจะไปโรงเรียน

ก็กินยาหลายอย่าง แก้ไอแห้ง แก้ไอเสมหะ แก้หวัด
แล้วเมื่อวานโฮสก็เอายาน้ำมาให้ลอง(คือลองยาใหม่ไปเรื่อยๆ XD)

ก็..อร่อยมั้ง แต่ก็แปลกๆ เค้าบอกว่า อีก 20 นาทีเราจะ unconscious

แล้วก็กลับไปนั่งเล่น Trickster(ยังเล่นอยู่อีกหรอ?) ซักพักก็ไปนอน
ตื่นมาวันนี้ อาการเกือบจะหายป่วย ก็คงจะต้องดูกันต่อไป

พูดถึงเรื่องโรงเรียน เท่าที่เราจำได้ คงมีแค่เคกับเพื่อนเก่าเรา ที่เราบอกเรื่อง
ออกแบบหน้าปก student handbook (ไม่รู้จำกันได้ป่าว) แล้วก็ให้พวกแกดูรูปที่เราทำอ่ะนะ

จะบอกว่าเราชนะเฟ้ยยย 555(ขอขำอย่างดีใจ)
เราเลยได้ $60 (แต่ยังไม่ได้เงินซักที) และที่สำคัญคือ
เทอมหน้าพี่แกเค้าจะใช้หน้าปกที่เราออกแบบ

นักเรียนทุกคนจะใช้สมุดที่มีหน้าปกเราออกแบบ 555
แอบปลื้มม

แต่ก็ไม่ได้สวยอะไรมาก เราไม่ได้คิดว่าจะชนะนะนั่น
เพราะสีมันดูฉูดฉาดเกินไป - -

แต่ก็ดีใจแหละนะ


ปล.ขอให้เราหายป่วยไวๆ XD

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552

ก็แค่บทความหนึ่ง

นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตัวโปรด
เปิดบลอก สร้างบทความใหม่ กำลังคิดว่าจะเขียนอะไรดี

สามนาทีถัดมาก็มีเสียงเคาะประตู ไม่ใช่ใครที่ไหน
ลูกของโฮสนั่นเอง

อายุไม่มาก แต่น้อย น้อยราวๆ 4 ขวบได้
หลังจากที่ต้องย้ายเปนครั้งสุดท้าย ก็มาเจอเด็กจนได้ ชิชะ
ไม่ได้ใจแคบ หรืออย่างไร แต่บอกจากใจจริงว่า "ไม่ชอบเด็ก"

หลังจากนั้นห้องของเราก็เต็มไปด้วยเสียง ที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่
ปัดสิ่งที่คิดอยู่กระจายไปหมด

นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่หลายวัน ก็พอรู้ว่าเหลือเวลาอีกราว 3 เดือนก่อนจะกลับ
ดีใจมั้ย ?

ถ้าถามตัวเองก็คง งั้นๆอ่ะ กลับไม่กลับก็ได้
ชอบที่นี่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าอยากอยู่ที่นี่

จบ สำหรับเรื่องน่าหดหู่(สำหรับเรา)

กำลังรอคอยการไปเที่ยว California ในเดือนมิถุนายน(อีกนาน)
แต่อย่างอื่นก็ไม่ค่อยน่าสนใจสำหรับเรา

สิ่งที่คิดว่าสนุกที่สุด และ ถ้ามีโอกาสแม้เพียงน้อยนิด แต่สามารถทำได้คือ

สกี

โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบหิมะ ดูก็สวยอยู่หรอก แต่มันเย็นยะเยือก
หลังจากผ่าน(คิดกันแบบนั้น) หน้าหนาวไปแล้ว อากาศก็อุ่นขึ้น

ยั๊งง

หิมะจะตก(คาดว่า) คืนนี้
ฟังแล้วรู้สึกว่า เฮ้ออออ ก็นะ ขี้เกียจบ่นและ ตกก็ตกม๊า ไม่ใส่ใจ

หน้าหนาวมาผลกระทบต่อการเรียนอย่างไร ?
อย่างแรกคือ เหนื่อย ถ้าต้องเจอกับลมหนาวทุกวัน มันก็เหนือยได้ ยิ่งเจอการบ้านเพิ่มเข้าไป ขอบอกว่าหน้าหนาวนี่เหนื่อยสุดๆ
อย่างที่สอง บางวิชาจะเปลี่ยนกิจกรรมไปเลย อย่างเช่น PE โดยปกติคาบเราจะออกไปเล่นฟุตบอลสองอาทิตย์ครั้ง(แต่เราไม่ได้ไป ขออยู่ฝึกข้างในนี่แหละ) แต่พอหน้าหนาว หิมะ ลมแรงมาก(of course ! this is Chicago) ไม่มีใครจะออกไปเล่นหรอก แม้แต่ PE ที่เล่นกีฬาก็เถอะ, และอย่างยิ่งวิชา photo ของเรา การบ้านถ่ายรูปแทบเปนไปไม่ได้ เพราะ ไม่มีใครอยากออกไปถ่ายรูป เลยสั่งแต่งานที่ใช้คอมพิวเตอร์ แต่พอตอนนี้ เริ่มอุ่นขึ้นเลยมีงานถ่ายรูปมากขึ้น ก็ว่ากันไป
อย่างที่สาม เวลาที่ใช้ในบ้านมากกว่า 70 เปอร์เซนต์ เพราะอย่างที่บอก ไม่มีใครอยากออกไปข้างนอก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ชีวิต น่าเบื่อมาก

โดยรวมเราชอบโรงเรียนที่นี่ คือบางคนก็บอกว่า โรงเรียนบางประเทศ ไม่เปลี่ยนห้องเรียน รออาจารย์มา(แบบไทยทำ) มันได้เพื่อนมากกว่า
แต่เราคิดว่ามันก็ไม่เสมอไป เรียนแบบเปลี่ยนห้องแล้วได้เพื่อนน้อยกว่า... ตรงไหน ?
จะมากหรือน้อยก็อยู่ที่ตัวท่านทำทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับโรงเรียนแต่อย่างใด(เกี่ยวเล็กๆ)

แต่สิ่งที่ชอบคือเรื่องการเลือกวิชาที่อยากเรียน การมีวิชาที่หลากหลาย(ทั้งวิชาการและทักษะ) และชมรมที่ดูมีคุณภาพ(ฮ่าๆ)

อีกซักแปปก็ไปกินข้าวเย็น ถ้าถูกเรียกเมื่อไหร่ก็หยุดอัพเมื่อนั้น แล้วก็คงไม่มานั่งแก้ไขบทความเพิ่มเติมแน่นอน

เรื่องอาหารนี่ ไทย จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน กรีก อิตาเลี่ยน อินเดีย และอเมริกัน กินมาแบบว่า เยอะแยะ
ขอแนะนำว่า กรีก อย่ากิน 555 เรารู้สึกว่าอาหารมันกลิ่นแปลกๆ 555 แต่อยากลองก็ตามสบาย
แล้วของแปลกๆ(สำหรับเรา) คือ กระต่าย กับ แพะ

อิ๊ววววววววววว - -"

รสชาติแบบว่า ไม่ได้เหมือนไก่(คนเค้าบอกกัน)เล๊ย
ถ้ารสชาติมันเหมือนไก่กันหมด ทำไมไม่กินแต่ไก่ฟร้ะ

แต่เรื่องแปลกคือ ก่อนมามีแต่คนบอกว่าจะโดนถามเรื่อง ขี่ช้างไปโรงเรียน เทคโนโลยีในไทย เครื่องใช้ไฟฟ้า

ไม่มี๊

ไม่มีซักคนที่ถามเรา(ไม่ได้หวังให้ถามแต่อย่างใด)

จะยังไงก็แล้วแต่ ถึงยังจะไม่ครบ 11 เดือนที่มาอยู่ที่นี่ ก็มีความสุขแล้วก็ดีใจที่ได้มา
แค่นี้แหละจ้า ><



ปล. ถ้า 11 เดือนมี 330 วัน เราดื่ม Root Beer ไปราวๆมากกว่า 250 กระป๋องแล้วก็ว่าได้
ปล2. อยากไปงานโฮม

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

เปิดกระทู้ปี 2009

ปีใหม่แล้วว อะไรๆก็เหมือนเดิม
เราก็เสมอต้น เสมอปลายอย่างที่กุ๊กบอก

รู้สึกเบื่อๆ เลยมานั่งคิดว่าจะเปิดกระทู็แรกของปี 2009 ซะหน่อย แต่เรื่องที่จะเขียน
ก็ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร

ช่วงนี้บรรยากาศกำลังมึ้นครึ้ม(มันคืออะไร) รู้สึกหนาวอย่างผิดปกติ คาดว่ากำลังจะ -25 องศา

เซลเซียส

อาทิตย์นี้เป็นการสอบ final ของโรงเรียน โดยแบ่งเป็นสามวัน - อังคาร พุธ พฤหัสบดี -
โดยใช้เกณฑ์แบ่งคือ

คาบ 1 2 3 จะสอบวันอังคาร
คาบ 4 5 6 จะสอบวันพุธ
คาบ 7 8 จะสอบวันพฤหัสบดี

*ที่เน้นตัวหนาคือวิชาที่มีสอบ - เช่นว่า คาบ 2 คือ พละ จะไม่มีสอบ final, หรือคาบ 5 เปนทานอาหาร ก็ไม่มีสอบเช่นกัน -

จะบรรยายจากวันแรก วิชาที่สอบ : Photography

Digital Photography I : Final Exam
Create an advertisement about yourself

Be creative & have fun
Your print will need to include:
Title
Text about you
1 imported portrait taken in class today
At least 3 images from your files or internet
Background
You will need to show these skills:
Make Selection
Show evidence of using a layer mask
Use at least 1 filter
Sized 10in x 7.5in or 7.5in x 10in at 72 resolution
Flatten and Save as a JPEG
Print it out from the color
printer(4700p-3)(อันนี้จะบอกทำไม)

On a separate piece of paper, list at least 8 tools or processes used during the creation of your ad. Write a brief description of what they are used for and how, specifically, you used them

บอกตรงๆว่าลำบากสำหรับเรามาก มีเวลาให้ 1 ชั่วโมงครึ่ง
โดยปกติแล้ว เวลาได้การบ้านมา เราจะมานั่งๆนอนๆ ลองไปลองมาแล้วไอเดียมันถึงจะผลุบออกมา
เลยคิดว่าจะทำยังไงดีกับเวลาอันน้อยนิด

เราทำออกมาแบบว่า แอบแย่ 555 ไอเดียที่นึกได้ตอนนั้นก็ถ่ายรูปนิ้ว แล้วทำเปนเหมือนเทียนตรงปลาย
ไอเดียก็เอามาจาก photoshoptalent.com แต่คุณภาพคนละเรื่อง 555 เราไม่ได้เอาภาพมา เพราะกะจะไป format เครื่องทิ้งและ ภาพแย่ไป

ส่วนเทอมหน้าก็เปลี่ยนเป็น photography 2 (เลเวลอัพ)
เหนเค้าว่ายากกว่า แต่ไม่กะจะสอบ final เทอมหน้าอะนะ เพราะมันก็เกือบกลับแล้ว คงโดดสอบไปเลย
แต่อาจจะแว่บไปสอบ photo กับ เลข

พูดถึงเรื่องหนัง หลังจากที่นั่งดู Bedtime Story กับ The Curious Case of Benjamin Button
โดยไม่มี subtitle (ดูในคอม โหลดจาก overget)

เราว่าสองเรื่องนี้สนุกดี แต่ชอบ Bedtime Story มากกว่า
แนวเรื่องมันสบายๆดี เหมาะแก่การนั่งดูโดยไม่มี sub
เพราะเนื้อเรื่องยิ่งเครียด ยิ่งไม่เข้าใจว่ามันพูดอะไรกัน

วกกลับไปเรื่องสอบ(นอกเรื่องมาได้ไง)

วันที่สอง วิชาที่สอบ : English & US history

จะบอกว่าอังกฤษง่ายมากๆ ง่ายกว่าของอาจารย์สุขุมาลย์ราวๆร้อยเท่าพันเท่า
แต่ history ก็ไม่ใช่ว่ายากนะ เพียงแต่ไม่ได้อ่านไปเลยซักตัวเดียว ไปสอบรู้อย่างเดียวคือ George Washington คือ 1st president แค่นั้นแหละ ....แล้วมันก็ไม่ออกด้วยนะ

นั่งมั่วสนุกสนาน 100 ข้อ - แต่ผลบุญช่วยให้ได้ฟรี 10 ข้อ เพราะเค้าออกเรื่องที่ยังไม่ได้สอน -
แต่ก็นะ 10 ข้อ ...ยังเหลืออีก 90 ข้อ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเล๊ย

ส่วนวันที่สาม วิชาที่สอบ : English & Math

เรากะไว้ว่าอังกฤษจะง่ายเหมือนอันเก่า เพราะมันไม่ได้อะไรมาก
ปัญหาอยู่ที่เลข เพราะไม่มี graphic cal. และเนื่องจากต้องวาดกราฟ

เราตายแน่ๆ กำลังจะหายืมใครซักคน กะว่าอาจารย์ใจดี เอามาให้ยืม
อุตส่าหน้าด้านเดินไปขอยืมตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ป่านนี้ลืมไปแล้วมั้ง



ปล. รู้สึกว่ายิ่งหนาวเวลายิ่งผ่านไปเร็วขึ้น