วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2551

The Gift of Nothing



เป็นวันพิเศษ เจ้าเหมียว มูช อยากให้ของขวัญแก่ เอิร์ล ตูบเพื่อนรักที่สุด

แต่จะให้อะไรกับใครสักคนที่มีทุกอย่างแล้วดีนะ ??

ร่วมไปกับมูชในการค้นหาพลิกฟ้าพลิกดินเพื่อ...ของขวัญที่ไม่มีอะไร !



ตอนที่ไปงานสัปดาห์หนังสือผมก็ตั้งใจไป Pet&Home อย่างเดียว ไม่รู้เหมือนกันแต่อยู่ดีๆก็รัก สนพ.นี้ขึ้นมาซะงั้น คราวนี้หนังสือของนักเขียนคนโปรดของผม Kate DicaMillo ไม่มีออกใหม่เลยเศร้าเล็กๆ แต่พอเดินดูไปๆมาๆพี่ที่บูธเค้าก็แนะนำหนังสือเล่มนี้มาให้ พอลองอ่านดู มัน...น่ารักดีอ่ะ



เผอิญว่าวันนี้เราไม่ได้ตั้งใจจะไปซื้อเลยมีเงินติดตัวอยู่น้อยมาก เหตุที่อยากได้จนเกินไปทำให้รีบวิ่งไปหาตู้ ATM เพื่อถอนเงินออกมา ราคาปกติ 195 แต่ซื้อในราคา 175



พูดถึงตัวหนังสือ : ปกแข็ง ไม่ใช่วรรณกรรม แต่เป็นแนวปรัชญาชีวิต มีรูปทุกหน้าพร้อมคำพูดสั้นๆ เป็นอะไรที่น่ารักดี เหมาะสำหรับซื้อให้คนรู้ใจ (มีใครอยากได้มั้ยครับ) แต่..ซื้อให้เพื่อนเป็นของขวัญก็ได้นะ ใครที่อยากดูเดี๋ยวบอกได้ ...ใครที่มีแล้วก็ ช่างมัน ชิส์ โดยรวมแล้วผมชอบนะ



ยังไงก็ Pet&Home !



ขอบคุณครับ


Blog นี้ใครว่าเลิกอัพ !

อยากจะประกาศต่อสาธารณชนให้ทราบว่า Blog นี้ ไม่ ได้ เลิก อัพ

เนื่องจากช่วงนี้เหนื่อยบวกกับไม่มีไอเดียว่าจะอัพเรื่องอะไร แต่พูดตรงๆคือปัญหาทางด้านจิตใจ(เสื่อม)มากกว่า เหตุก็จะอะไรเสียอีกล่ะ

"INTERNET" เจ้าปัญหานี่แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวร้าย แล้วก็ร้ายไป ไม่เคยดีอีกเลย เลย เลย เลย เลย....

พูดถึงเมื่อวานก็ไปเที่ยวกับเพื่อน(เก่า)มา ก็ไปหลายที่แหละ ส่วนใหญ่ก็ป้ายรถเมลล์ เหตุเพราะขึ้นสายผิด ลงเลยป้าย ไม่ก็จะไปสายไหนต่อดีเลยมั่วเอา

สุดท้ายก็เดินไปราวๆ 7 ชม. ทำให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นอย่างมากทีเดียว

วันนี้ผมก็อุตส่าห์ว่าเรียนเป็นวันสุดท้าย ปิดคอร์สสสสส ที่ไหนได้เพื่อนชวนไปเดินงานสัปดาห์หนังสืออีก เอาล่ะไหนๆก็เคยไปมาครั้งนึง ไปอีกรอบก็ไม่เป็นไร

แต่ครั้งที่ไปครั้งแรกนั้น...ไปก่อนงานเปิด รู้สึกเสียดาย(เงิน)เป็นอย่างมาก แต่ก็ทำใจแล้วกลับไป เพราะถ้ารอก็ต้องรอ 5 ชม. ...

เรื่องที่อยากจะบอกวันนี้คือ ผมต้องกลับจันทบุรีอีกแล้ว(อีกแล้ว) เนื่องจากแดดดี๊เรียกตัวด่วน แต่ก็ไหนๆกลับไปเล่นสงกรานต์อยู่แล้วก็กลับก่อนไม่เปนไร

เอาล่ะสุดท้ายก็เสียใจกับคนที่ไม่ได้ซื้อ Toblerone ในช่วงโปรโมชัน ซื้อ 2 แถม1 ด้วยล่ะกันครับ

Ps.ช่วงนี้ร้อนขึ้นอีกแล้ว ครับ ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2551

Pocky biscuit stick coa...

TSUBU TSUBU จุ๊บ จุ๊บ

POCKY

Biscuit Stick Coated
With STRAWBERRY Flake

เมื่อวันที่เท่าไหร่จำไม่ได้ Glico(หรือกูลิโกะ) ได้ออก Pocky รสใหม่(คล้ายเก่า) คือ รสสตรอเบอร์รี นั่นเอง เพียงแต่มันมีสตรอเบอร์รี(พิมพ์ยากจังครับ)โรยตามก้านเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 20 !! *ถูกกว่าอัลมอนด์ 5 บาท เป็นที่น่าจับมากินพอสมควร ใครที่ว่างๆหรือเงินเหลือไม่รู้จะเอาไปลงทุนทำอะไรก็ซื้อชิมได้ครับ ชิมครับ คงเรียกว่ากินไม่ได้ เพราะมันน้อยมาก เอาล่ะ ไปดูโฉมหน้ากล่องกันเลยดีกว่า


ขออภัยที่ถ่ายด้านภาษาที่สองมาไม่ได้ เพราะพี่เอาไปทิ้งก่อน ผมจะไปคุ้ยเขี่ยขึ้นมาก็ไม่ไหวครับ


พอผมแกะกล่องปั๊บ ก็รู้สึกว่าเห็นซองบรรจุก็น่ากินแล้วครับ (กรี๊ดดดด มัน kawaii มากค๊าาาาาาาาาา อุ๊บส์...ผมหลุดนิดหน่อยครับอย่าถือสา)


อันนี้ก็เอาออกมาถ่ายรวม


อยากจะบอกว่าตอนเอาออกมาถ่ายนี่แทบจะอดใจไม่ไหว เพราะกลิ่นมากหอมใช้ได้เลย พูดถึงเรื่องรสชาตินี่ ต่างจากเดิมพอสมควร มีรสหวานอมเปรี้ยว กินแล้วไม่เลี่ยนแน่นอนครับ ฟันธง !!








PS. เอามาโฆษณาแบบนี้จะได้เงิน(หรือติดคุก)รึเปล่าเนี่ย
PS.2 วันนี้ถึง 26 มีนาคมสามารถซื้อ ชอกโกแลต Toblerone (ราคา 25 บาท) โดยซื้อ 2 แถม 1 หน้าที่แล้วลืมบอก ซื้อได้ที่ 7-11 ครับ

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551

ฝายชะลอน้ำกับห้องน้ำ


ข้อความในถาพ "เชื่อหรือไม่ สิ่งมหัศจรรย์ เกิดขึ้นแล้วที่ประเทศไทย
สิ่งที่ทำให้ไฟป่าลดลงจากปีละ 200-300ครั้ง เหลือเพียงไม่ถึง 2 ครั้ง สิ่งที่ทำให้คนอดกลับมาอิ่ม สิ่งที่ทำให้บ้านที่แสนสุขสำหรับสัตว์คืนมา สิ่งที่ทำให้ความชุ่มชื้นไม่ได้อยู่แค่ผืนดิน แต่ยังชุ่มชื้นไปถึงหัวใจคน ฝายชะลอน้ำ สิ่งมหัศจรรย์ตามแนวพระราชดำริที่เครือซีเมนต์ไทย(SCG) และชุมชนร่วมสร้างอย่างต่อเนื่องกว่า 10,000 ฝาย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 และยังสนับสนุนให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม เพื่อคืนสมดุลกลับสู้ธรรมชาติอย่างยั่งยืน"

ฝายชะลอน้ำนี่มีประโยชน์เนอะ แต่สำหรับบางคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงสงสัยว่าเกี่ยวไรกับห้องน้ำใช่มั้ยครับ งั้นจะขอพูดถึงห้องพักหมายเลข 616 ก่อนละกันครับ

ห้องนี้ผมกับพี่พักอยู่ 2 คน พี่ผมเรียนจบแล้ว แต่ยังหางานทำไม่ได้เลย(สงสารจริง) ส่วนผมก็เรียนอยู่ ม.4 จะ ขึ้น 5 อีกไม่นานคงได้เจอเพื่อนๆ เอาล่ะพูดถึงพี่ผม เค้าออกจะเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ จู้จี้นิดๆหน่อยๆ เจ้าระเบียบ เผด็จการ แต่ก็ใจดี ชอบซื้อขนมมาล่อให้น้องทำสิ่งใดให้ ล่าสุดคือเอาขนมปังมาล่อเพื่อให้เอา vcd หนังไปคืนที่ร้านแมงป่อง mbk ซึ่งก็ตกลงรับภาระ(กิจ)นี้ไป เอาล่ะที่ห้องพักมันก็ต้องมีห้องน้ำ ใช่มั้ย ? หรือห้องพักพวกคุณไม่มีกันรึ ส่วนคนบางคนที่มีบ้านเป็นของตัวเองก็ไม่ต้องพูดถึง อาจจะมีหรือไม่มีในห้องส่วนตัวก็ได้ ที่รู้ก็เพราะผมเองก็มีบ้านเหมือนกัน

เวลาที่ใครเข้าห้องน้ำเสร็จ บางคนก็ปิดประตูปิดไฟเรียบร้อย บางคนก็เปิดทิ้งไว้ แถมไฟก็ไม่ปิด (ผมอยู่ในคนส่วนหลัง) พี่ก็มักจะบอกว่า"ไปปิดไฟ ปิดประตูด้วย" ผมก็มักจะโดนว่าบ่อยครั้ง เพราะมันขี้เกียจ+ลืม อย่าว่าแต่กดปลั๊กปิดไฟเลย(บางบ้านอาจใช้แบบอื่นผมก็ไม่ขัดข้องครับ) ล้างมือผมก็ยังไม่ได้ล้าง ...

อันนี้ล้อเล่นครับ อย่าเพิ่งเชื่อไปล่ะ แต่ถ้าจะพิสูจน์ก็ไม่ขัดข้องอีกเช่นกันครับ

พอพี่ของผมว่าผมเรื่อยๆจนเบื่อ พี่แกก็เลยทำสิ่งที่ทำให้ผมตกใจ+ขำเล็กน้อย ...


จากสิ่งนี้ผมก็ได้รู้ว่า "สิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆ ก็ให้ความรู้สึกแย่ๆได้เช่นกัน เพียงแค่มองมันอีกด้าน(ด้านหลัง)เท่านั้นเอง"

Ps. วันนี้ถึง 26 มีนาคมสามารถซื้อ ชอกโกแลต Toblerone (ราคา 25 บาท) โดยซื้อ 2 แถม 1 จ้า

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2551

ตัวเลขกับความมงคล

ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น มักมีตัวเลขมายุ่งเกี่ยวด้วยเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม เราก็หนีตัวเลขไปไม่พ้น บางคนอาจจะรู้สึกว่า ตัวเลขเป็นเรื่องยุ่งยาก (ยกเว้นเลขหวย) แต่โดยแท้จริง เลขรอบๆตัวเรา ที่ดูเหมือนมีมากมาย ถ้านับแล้วก็จะไม่พ้น 10 ตัว ดังนี้ คือ เลข 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 และ 10 หรือ 0 (ศูนย์) ซึ่งเมื่อนำมาผสมกัน ก็จะเกิดเป็นตัวเลขอันหลากหลายอย่างที่เห็น

และหลายๆ ตัวก็มีค่า มีความหมายต่อการดำเนินชีวิต หรือต่อความเชื่อ ของแต่ละบุคคลไม่น้อย ไม่เช่นนั้น เราคงจะไม่เห็นบางคน ยอมเสียเงินเป็นแสนๆ เพื่อจะได้หมายเลขทะเบียนรถ ที่ตนคิดว่าเป็นเลขสวย หรือเป็นเลขมงคลอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว

อย่างไรก็ดี ในจำนวนเลข 1-10 หรือ 1-0 นี้ จะมีเลขบางตัวเท่านั้น ที่คนส่วนใหญ่ ถือว่าเป็นเลขมงคล ที่ให้โชคให้ลาภ เช่น 1, 5 และ 9 ส่วนเลขตัวอื่นๆ นั้น ดูเหมือนจะถูกมองข้าม หรือไม่ค่อยมีความหมายสักเท่าไรนัก ทั้งๆ ที่ตัวเลขแต่ละตัว หากจะมองให้ลึกซึ้ง ต่างก็มีนัยที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงอยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านได้ลองมองให้เห็นความเป็นมงคล ที่ซ่อนอยู่ในแต่ละตัวเลข ดังต่อไปนี้

เลข 1 (หนึ่ง) เลขนี้ไม่ต้องอธิบาย คนโดยมาก ก็ถือเป็นเลขมงคลของตนอยู่แล้ว เนื่องจากใครก็ตามที่ได้หมายเลข 1 นั่นหมายความว่า เขาจะได้รับเกียรติ หรือได้รับสิ่งต่างๆ เป็นคนแรก หรือถ้าเป็นของรางวัลที่ 1 ก็มักเป็นของที่มีคุณค่า หรือราคาสูงกว่าเบอร์อื่นๆ นอกจากนี้ "หนึ่ง" ยังให้ความรู้สึกถึงความเป็นเลิศ และชัยชนะสูงสุด เลข 1 จึงเป็นเลขที่มงคล ที่คนส่วนใหญ่ปรารถนา

เลข 2 (สอง) ถ้าเป็นรางวัล ก็อาจจะดูด้อยค่า น้อยราคาไปนิดหนึ่ง แต่หากจะมองในแง่บวก จะเห็นว่าเลขนี้ หมายถึง สิ่งที่เป็นคู่ และอะไรที่เป็นคู่ ย่อมจะให้ความรู้สึกที่สุข สดชื่น มีความหวัง และบ่งบอกถึงการช่วยเหลือ ซึ่งกันและอยู่ เช่น คู่รัก, คู่มิตร, คู่คิด, คู่ใจ เป็นต้น ดังนั้น เลขสองจึงเป็นเลขมงคล ที่มีนัยแห่งความอบอุ่นและเป็นมิตร

เลข 3 (สาม) แม้หลายคนอาจจะมองว่า อะไรที่มี "มือที่สาม" มาเกี่ยวข้อง มักจะก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวฉาน แต่จริงๆ แล้วเลข 3 กลับเป็นจำนวนนับของสิ่งมงคลหลายอย่าง โดยเฉพาะในทางศาสนา เช่น พระรัตนตรัย ที่หมายถึงดวงแก้ว 3 ดวง ได้แก่ พระพุทธ, พระธรรม และพระสงฆ์, พระไตรปิฎก หมายถึง พระธรรมคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าที่มี 3 หมวดคือ พระวินัย, พระสูตร และพระอภิธรรม, ตรีมูรติ คือ เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ ที่มี 3 องค์ ได้แก่ พระพรหม, พระวิษณุ และพระศิวะ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ เลขสาม จึงมีมงคล ที่น้อมนำเราไปสู่สิ่งที่ดีงามของชีวิต

เลข 4 (สี่) ก็คล้ายๆ กับเลขสามที่ว่า เป็นเลขที่กำกับให้เรา ประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรม ที่จะเป็นหนทางไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ในอนาคตได้ เช่น พรหมวิหาร 4 อันได้แก่ เมตตา, กรุณา, มุทิตา และอุเบกขา ซึ่งจะทำให้เราเป็นที่รักของคนรอบข้าง และอิทธิบาท 4 อันได้แก่ ฉันทะ, วิริยะ,จิตตะ และวิมังสา ที่จะเป็นแนวทางนำเราไปสู่ความสำเร็จในกิจการต่างๆ เลขสี่ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลข ที่พาเราไปพบกับความก้าวหน้าในชีวิต

เลข 5 (ห้า) นอกจากจะมีเสียงคล้ายเสียงหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! ที่ให้ความสนุกสนาน รื่นเริงแล้ว เลขนี้ยังเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อหลายอย่าง เช่น วันที่ใช้ในการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง นิยมใช้วันเสาร์ 5 ผู้หญิงที่มีลักษณะงามที่เรียกว่า เบญจกัลยาณี ต้องงาม 5 ประการคือ ผมงาม, เนื้องาม (เหงือกและริมฝีปากแดง) ฟันงาม,ผิวงาม และวัยงาม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี เบญจศีล หรือ ศีล 5 อัน เป็นหลักธรรมที่ช่วยจรรโลงโลกให้ร่มเย็น เพราะความไม่เบียดเบียน ซึ่งกันและกันอีกด้วย เลขห้าจึงเป็นเลขที่มีความเป็นมงคล อันหลากหลายตามแต่จะนำไปใช้

เลข 6 (หก) เลขนี้แม้เสียงภาษาไทย จะทำให้รู้สึกเสียการทรงตัว แต่หากออกเสียงภาษาจีนว่า "หก" ที่หมายถึง "ฮก" อันเป็นหนึ่งในสามเทพเจ้า "ฮก ลก ซิ่ว" แล้ว ก็คงจะทำให้รู้สึกเป็นมงคลขึ้น เพราะเทพฮก ผู้มีทีท่าอ่อนโยน จะอุ้มทารกในมือ เเสดงถึง มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง มีความสุขสมปรารถนา,ส่วนเทพซิ่ว จะถือผลท้อเซียน ใบหน้าเหี่ยวย่น เเสดงถึงความมีสุขภาพเเข็งเเรง มีอายุยืน และเทพลก จะถือหยกปรารถนาในมือ อันหมายถึง ความร่ำรวยมั่งคั่ง และความก้าวหน้า
นอกจากเทพฮกแล้ว ทิศ 6 ในทางพุทธศาสนา ก็เป็นอีกมงคลหนึ่ง ที่จะช่วยให้เราสัมพันธ์ กับคนที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างเหมาะสม ซึ่งได้แก่ ทิศเบื้องหน้า คือ บิดามารดา ทิศเบื้องขวา คือ ครูอาจารย์, ทิศเบื้องหลัง คือ บุตร/ภรรยา,ทิศเบื้องซ้าย คือ มิตรสหาย,ทิศเบื้องล่าง คือ คนรับใช้/คนงาน และทิศเบื้องบน คือ พระสงฆ์ บุคคลผู้แวดล้อมเราเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้สามารถสนับสนุนส่งเสริม ให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงได้ทั้งสิ้น หากเราจะรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามสถานะและความสัมพันธ์กับตัวเรา เลขหก จึงเป็นอีกเลขหนึ่ง ที่ไม่ควรมองข้าม

เลข 7 (เจ็ด) จะเป็นเลขที่มีบทบาท กับชีวิตเราไม่น้อย เช่น รุ้งมี 7 สี สัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงเป็น 7 วัน ทั้งนี้ ก็เพราะว่ามันเกี่ยวพันกับโหราศาสตร์ และเทวดาประจำดาวนพเคราะห์ที่มี 9 ดวง แต่อีกสองดวงคือ ดาวราหูและดาวเกตุ จะมองไม่เห็น คนโบราณจึงกำหนดให้สัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน เพื่อให้บูชาเทวดาประจำวัน และเตือนให้กระทำความดี ไม่หลงผิด และในทางพุทธศาสนา ก็เชื่อว่าเมื่อพุทธเจ้าประสูติ ทรงเดินไปได้ 7 ก้าว และแต่ละก้าว ก็มีดอกบัวมารองรับ
ส่วนคริสต์ศาสนาก็เชื่อว่า พระเจ้าสร้างโลกใน 7 วัน จึงถือว่าเลขนี้ เป็นเลขแห่งความอุดมสมบูรณ์ และแม้แต่ในวงการกีฬา โดยเฉพาะทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ฯ นักกีฬาคนใด ได้ใส่เสื้อหมายเลข 7 มักจะเป็นนักเตะที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยม ในระดับตำนาน เช่น ไบรอัน ร็อบสัน, เอริก กองโตนา และเดวิด เบคแคม เป็นต้น เลขเจ็ดจึงเป็นเลขมงคล ในดวงใจของอีกหลายๆ คน

เลข 8 (แปด) จีนถือเป็นเลขมงคลยิ่ง เพราะหมายถึงโป๊ยเซียน อันได้แก่ ทิ ก๋วย ลี้ เทพผู้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ฮั่น เจง หลี ผู้มีความกล้าหาญ และเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ, ลื่อทงบิน เทพแห่งช่างตัดผม ทำให้ค้าขายมีกำไรร่ำรวยเป็นเศรษฐี, เจียง กั๋ว เล้า เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอายุยืน มีเสน่ห์เป็นที่นิยมรักใคร่ของคน น่าใช้หัว ผู้เป็นสัญลักษณ์ แห่งความอุดมสมบูรณ์ และเป็นเทพแห่งมวลบุปผาชาติ, ฮ่อเซียนไกว ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงาม สติปัญญาดี, ฮั่นเซียงจื้อ ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งเทพพยากรณ์, เช่า ก๊ก กู่ ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งยศฐาบรรดาศักดิ์ การเข้ารับราชการ แค่เซียน 8 องค์นี้ ก็ทำให้เลขแปดเป็นมงคลเลขที่คนปรารถนาไม่น้อยแล้ว

เลข 9 (เก้า) เลขนี้เพียงเสียงที่อ่าน ก็ทำให้คนรู้สึกถึงความมีอนาคตที่ก้าวไกล เพราะหมายถึงความก้าวหน้ารุ่งเรือง ข้อสำคัญ ยังเป็นรัชสมัย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยอีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นเลขแห่งความเป็นมิ่งมงคลยิ่ง

เลข 10 (สิบ) เป็นเลขที่ให้รู้สึกถึงความเต็มสมบูรณ์ เช่น ได้คะแนนเต็มสิบ และในทางปฏิบัติ ยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ดีงาม หลายประการ อาทิ บัญญัติสิบประการ (บทบัญญัติ ที่พระเป็นเจ้ามอบแก่โมเสส) ทศพิธราชธรรม (ธรรมของพระราชา หรือข้อพึงปฏิบัติของผู้บริหาร) เป็นต้น หรือหากจะคิดเป็นเลข 0 (ศูนย์) อันเป็นเลขตัวสุดท้าย เลขนี้กลับมีปรัชญาแฝงให้คิดอยู่ไม่น้อย เพราะ "ศูนย์" จะมีลักษณะเป็นวงกลม ที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด หมุนเวียนต่อเนื่องกันไป ไม่รู้จบ ซึ่งจะหมายถึง ความว่างเปล่า ไม่มีตัวตนก็ได้ หรือถ้าไปเติมท้ายตัวอื่น ก็กลับทำให้เลขนั้น มีค่าทวีคูณขึ้นหลายเท่า ทั้งเลขสิบและศูนย์ จึงมีความเป็นมงคล ที่ชวนให้คิดอย่างลึกซึ้ง

เลขทั้งหมดนี้ หลายคนอาจคิดว่า ต่างก็มีข้อด้อยหรือมุมลบแฝงอยู่ แต่เราจะมองโลกในแง่ร้าย ให้ชีวิตหดหู่ไปไย สู้มองทุกอย่างให้รื่นรมย์ เป็นเรื่องบวก โดยเริ่มง่ายๆ จากตัวเลขรอบตัวเรานี่แหละ

Ps. เลข4 (สี่) คือเลขที่นักเรียน(เตรียม)ปรารถนา(ที่สุด)
Ps.2 เค้าชอบเลข 2 ที่ซู้ดดดดดดด ^^

Credit : อ ส ม ท

วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2551

Google มันของนอก....

Google มันของนอก !






เกิดเป็นคนไทย...




ใช้ !!









(เอ่อ.. entry นี้เล่นง่ายดีเนอะ)







วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2551

หมด'รมณ์*

ช่วงนี้เนทเน่ามากมาย เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก เพราะมันทำให้โหลดอะไรต่อมิอะไรมาดูไม่ได้ เซงเฟ้ยย
พูดถึงช่วงนี้ก็น่าเบื่อจริงๆ นอกจากเรียนแล้วก็ไม่มีไรทำเลย นั่งรองานสัปดาห์หนังสืออย่างเดียวเลย ช่วงนี้หนังก็ไม่น่าดู พอดีเข้าเว็บเรื่อยเปื่อยแล้วไปเจอการ์ตูนล้อ Death Note (อีกแล้ว) รู้สึกไอ้แก๊กล้อ Death Note นี่มันจะมีเยอะเหลือเกิน ก็เอามาให้อ่านเล่นๆ ถ้าเคยเห็นแล้วก็ไม่เป็นไร

http://img359.imageshack.us/my.php?image=01du8.jpg
http://img394.imageshack.us/my.php?image=deathnotefakexy3.jpg
http://img361.imageshack.us/my.php?image=jdnaarx2.jpg

เนื่องจากบางภาพมันลงในบลอกแล้วมันจะเล็กไป เลยขอผ่านไปอัพแบบนี้แทน ขออภัยในความไม่สะดวก

Ps.เห็นวศิณบอกว่าไทยจะมีหิมะตก ยังไงก็ซื้อเสื้อกันหนาว รักษาสุขภาพด้วยล่ะ

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551

cap|sule Cafe'

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ที่ผ่านมา(วันเดียวกับที่กลับมาจากนครพนมน่ะแหละ) เวลาประมาณ 10.00 ก็ออกจากหอออกไปทานอาหาร แล้วก็โทรไปนัดเพื่อนว่าเจอกันที่ Victory Monument เพื่อนมันไปมาวันที่ 8 แล้วมันบอกว่านั่ง 522 ไป แต่พอถึงเวลามันไม่มี 522 มันไม่อยากรอเลยไป 29 ไปลงที่ ม.เกษตร ไอ้เราก็ไม่เคยไปอ่ะเนอะ นั่งไปหวังพึ่งเพื่อนว่าพอถึงมันก็เรียกเรา แต่เราก็เริ่มเอะใจตอนมันเริ่มเงียบๆ พอซักพักเป๋ารถเมลล์บอกว่าถึง ม.เกษตร แล้ว

..........

รู้สึกเงียบแปลกๆ เลยหันไปมองเพื่อนด้านหลัง เอ่อ...หลับ พอไปดูเพื่อนด้านหน้า เอ่อ...หลับ เสียงในใจมันกู่ร้องว่า"เพื่อน...กูรักมึงว่ะ" !!!!! รีบปลุกอย่างแรง ไม่งั้นไม่ทันแหงมๆ เอ้อ..คนขับแกเบรคแรงมาก เพื่อนเค้าอยู่ระยะ1/5ทางด้านหลังของความยาวรถเมลล์ ปรื้ดดดดดดดดดด!!!! มันไถลไป 4/5 ของความยาวรถเมลล์ แล้วเราก็เดินลงอย่างรวดเร็ว พอลงปั๊บ ก็งงปุ๊บ






ที่นี่ที่ไหน...ว่ะ ??!!

ม.เกษตรมัน....อยู่ส่วนไหนของสายตาว่ะเนี่ย มีแต่ซากปรักหักพัง นี่ข้าข้ามมิติมาแล้วรึสหายข้า
พอมองไปซักพักเพื่อนก็จำได้ จำได้ว่าไอ้รั้วแบบนี้แหละรั้ว ม.เกษตร เอ่อ...แล้วมันม.เกษตรมันเล็กๆที่ไหนครับ จากการฝ่าฟันทั้งหมด 3 ด่าน เราก็ถึงร้าน capsule cafe ดังหวังไว้ โดย

ด่านที่ 1 แผนผังสุดบวม
มันเป็นแผนผังที่ดีจริงๆ ดีจนไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน เรายืนตรงไหนของมันยังไม่รู้เลย(หนักใจ) เราก็เริ่มจับจุดทีละน้อย ทีละน้อย จนได้ว่าเดินไปกันก่อนล่ะกันเพื่อน เอาไว้ว่ากันอีกที ...

ด่านที่ 2 การเดินทางและทางออกที่โหดร้าย
เราก็เริ่มเดิน เดินและเดิน เอ่อ...เดินไปถึงไหน เดินไปคุยไปหิวไปพลางๆ เดินไปซักพักก็เจอตึกที่เป็นเป้าหมาย แต่มันก็...แค่นั้นแหละ มันไม่ได้ติดกับทางออกแต่อย่างใด จะบอกว่ามันร้อนมากๆ มีต้นไม้เยอะ แต่ใบไม่เยอะอย่างที่หวัง ดูท่าใบไม้ที่พื้นจะเยอะกว่าราวๆ 4 เท่า (ได้ว่า f(x)=4x เมื่อ x คือใบไม้บนต้น, f(x) คือใบไม้บนพื้น 555) เดินไปเรื่อยๆตามความรู้สึก เราก็เจอทางออก วี๊ดวิ้ว~ ดีใจสุด สุด เลย ...ซะเมื่อไหร่ ประมาณว่าถนนที่เจอมันเป็นถนนไรไม่รู้ไม่ได้เป็นงามวงศ์วาน แล้วก็ไม่มีวี่แววของผู้คนเลยซักนิดเดียว...

ด่านที่ 3 งามวงศ์วาน capsule cafe และมิตรภาพ
การเดินทางช่างบั่นทอนกำลังเสียจริง เมื่อเห็นยานพาหนะต่างๆผ่านไปก็อดน้อยใจมิได้ว่าทำไมพวกเราต้องมาเดินกันเช่นนี้ด้วย ก็เดินไปเจอยาม ถามยามว่าคุณครูจะโกดมั้ยคร้าบ ... เอาเป็นว่ายามบอกว่าเดินไปอีกหน่อยก็ถึงถนนงามวงศ์วาน แล้วก็เจอจริงๆ เดินไปซักพักก็เริ่มเห็นว่า สิ่งที่หวังไว้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ถ้ามาคนเดียวอาจจะกลับไปแล้วก็ได้มั้ง เพราะมีเพื่อนอยู่ ...เพราะเพื่อน(อีกแล้ว)ล่ะมั้งที่บางทีก็ทำอะไรขึ้นมาได้ (... ไปไกล) แล้วก็ขึ้นไปบนร้าน ก็ไม่ใหญ่มากนะ เพิ่งเปิดด้วยเหมือนอะไรๆก็ยังไม่พร้อม แต่ก็พักเหนื่อยแล้วเดินดู ชม ซื้อ จนประมาณ15.00 ก็กลับ

ที่ร้านมีเต้น แบบว่าตามการ์ตูนอ่ะนะ ก็ดีอ่ะ สำหรับเค้าแล้วก็เป็นอะไรที่บันเทิงใจดี เพลงนี้ชื่อว่า Hare Hare Yukai
(รอซักพัก เนื่องจากเนทมันไม่อำนวย อัพม่ายด้าย TT)

ครับ เอาเป็นว่าพบกันใหม่คราวหน้า เร็วๆนี้แหละมั้งนะ ฮ่าๆ

บ๊ายย บี~

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2551

บรึ้น...บรื้นนน.....บรื้นนนน~

สรุปเลยนะช่วงนี้เดินทางไปๆมาๆหลายรอบมากเมื่อ2อาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งจะกลับจัน เมื่อ 3 วันที่แล้วก็กลับไปอีกและ แต่ครั้งนี้กลับไปได้วันเดียวเอง แล้วต้องเดินทางไปนครพนม ไปประชุมอะไรเล็กๆน้อยๆ ตอนไปก็จากจัน-นครพนมราวๆ 6-8 ชม.ไปกับทางสโมสรอ่ะนะ พอไปถึงก็พาเที่ยวก่อน ไปประเทศใกล้ๆนะแหละ ฮ่าๆ มีรูปมาให้ดูนิดหน่อย เนื่องจากเวลาไม่ค่อยจะมี



เนื่องจากชอบท้องฟ้า(ชอบของสูง) เลยถ่ายออกมาเป็นแบบนี้
อ่าพอราวๆ 12.30 ก็กลับมาไทย นี่ยังอยู่มุกดาหารอยู่เลย กลับมาหาอะไรกิน พอรู้ว่าเค้าต้องเข้าประชุมตอน 13.00 ก็เลยรีบไปกันต่อ(แหม่ เรานี่สำคัญจริงๆ) พอไปถึงก็ประมาณ 15.00 พอดี(แหม่ เรานี่...เป็นคนยังไงกันนะ) พวกเพื่อนๆทั้งหลายนั่งฟังกันมา 2 ชม. แล้วเราก็เพิ่งจะเข้าห้องประชุม ก็ได้ฟังไป 15 นาทีเท่านั้น แล้วก็ขึ้นห้องพักไป โรงแรมที่พักมันติดกับประเทศเพื่อนบ้าน(อีกแล้ว) เรามีรูปมาให้ดูกัน (ภาพนี้ถ่ายจากห้องพักที่โรงแรม)


พอเย็นๆก็ลงไปประชุมต่อ เรื่องที่ประชุมก็ไม่ได้เกี่ยวกับเราเล๊ย แต่ก็พอเข้าใจว่าให้ฟังไปทำไมอ่ะนะ วันนี้แทบไม่ได้คุยกับเพื่อนเลย พึ่งจะมาอ่ะนะ เลยยังตื่นๆอยู่ พอ 21.30 ก็ไปนอน นอนไปราวๆ ตี 3(มั้งนะ) ฝันว่านอนๆอยู่ขยับตัวไม่ได้ พูดก็ไม่มีเสียง โดนผีอำป้ะว่ะ ฝันแบบเค้าเครียดมาก ฝันแบบนี้ไป 2 ครั้งอ่ะคืนนั้น ตื่นมาราวๆ ตี 4 เอ้อ...แค่ฝันไป ทำใจซักพักแล้วก็นอนต่อไป

ตอนเช้าของวันที่ 8 ก็ออกไปรับลมข้างนอก ลมแรงดีจริงๆ ทำธุระไรเสร็จแล้วก็ไปประชุมต่อ เอาเป็นว่านั่งคุย+หลับ+กินขนมจน 17.00 ล่ะกัน พอ 17.00 ก็ออกไปทานข้าวที่ขนส่ง แล้วก็รถทัวร์เดินทางตอน 17.30 (พอดีต้องกลับก่อน กลับมาอัพบลอก) ที่จริงเค้ากลับกันวันที่ 9(วันนี้นั่นเอง) กลับมาถึงที่กทม. ตอน 4.30 เหอะๆ ไป 6 ชม. กลับ 11 ชม. เหมือนกลับจันครั้งที่แล้ว กลับกับเพื่อน 2 ชม.กว่า กลับรถทัวร์ 4 ชม. ( ได้ว่า f(x) = 2x , x คือเวลาของการเดินทางกับคนรู้จัก , f(x) การเดินทางของรถทัวร์ นั่นเอง *มันเป็นค่าประมาณ)

จากนั้นก็ไปคิวรถ กลับโดย 529 มาถึงหอตอน 5.30 ประมาณว่าทางเดินเข้าหอนี่เปลี่ยวม๊ากค่าาาาา พอถึงห้องก็เคาะประตูเรียกพี่ พี่ตะโกนออกมาว่า"นั่นใครอ่ะ" แล้วก็ตอบๆไป พอเข้าไปพี่พาเพื่อนมานอนด้วย(อีกแล้ว) เหอๆ บอกว่ากั๊บไปนอนเสื่อเอานะ ไม่แล้วล่ะ นอนมา 8 ชม.บนรถไปเรียบร้อยแล้ว เลยเปิดคอมมานั่งอัพบลอกเป็นอันเสร็จสมบูรณ์


Ps. วันนี้จะไปร้าน Capsule Cafe' เพิ่งมีงานเปิดร้านเมื่อวาน หึหึ เกี่ยวกับการ์ตูนอีกอ่ะแหละ เดี๋ยวจะมาอัพให้ดูล่ะกัน ตื่นเต้นๆ

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551

DeathNote*

รู้จักกันทั่วหน้าใช่ป้ะล่า ? ส่วนใหญ่คงจากภาพยนตร์แหละใช่ม๊า ? แต่เอ...อ่านฉบับการ์ตูนกันบ้างอ๊ะเป่า ? (ใครอ่านแล้วก็ดีใจด้วย) ทั้งหมดก็ 12 เล่มจบ ฮ่าๆ แต่ไม่ได้มาพูดถึงเรื่องนี้ ก็คือ รู้กันอยู่แล้วว่า DeathNote มีกฎอยู่ (เช่นว่าใครถูกเขียนชื่อลงจะต้องตาย )แต่..ใน 12 เล่มฉบับการ์ตูน มีกฎอยู่ทุกเล่ม และท้ายบททุกตอน(มั้ง ไอ้เราก็อ่านไม่จบ) มันเยอะพอสมควร เลยอยากเอามาให้อ่านๆกันดูอ่ะ ฮ่าๆ เอ้อ...ในตอนหลังๆจะมีการปลอมกฎขึ้นมาเอง เพื่ออะไรนั้นก็ไม่รู้ เพราะอ่านไม่ถึงแต่ก็ได้ยินมาบ้างเท่านั้นเอง เริ่มจาก

ข้อที่ 1
- คนที่ถูกเขียนชื่อลงในบันทึกนี้ต้องตาย
- ถ้าจำหน้าของคนที่เขียนชื่อไม่ได้ จะไม่มีผลใดๆ จึงไม่มีผลต่อคนที่ชื่อ และนามสกุลเดียวกัน
- หากเขียนสาเหตุการตายไว้หลังชื่อภายใน 40 วินาที ตามเวลาโลกมนุษย์ก็จะเป็นไปตามนั้น
- ถ้าไม่เขียนสาเหตุการตาย ก็จะกลาย เป็นการตายเพราะหัวใจวายทั้งหมด
- ถ้าเขียนสาเหตุการตาย จะมีเวลาให้อีก 6 นาที 40 วินาที เพื่อให้ลงรายละเอียดสภาพการตาย

ข้อที่ 2
- ทันทีที่สัมผัสกับโลกมนุษย์ บันทึกก็จะกลายเป็นวัตถุของโลกมนุษย์
- ผู้ครอบครองบันทึกเล่มนี้ จะสามารถมองเห็นและได้ยินเสียงของยมทูตผู้เป็นเจ้าของเดธโน้ต
- ผู้ใช้บันทึกเล่มนี้จะไม่ได้ทั้งสวรรค์และ นรก

ข้อที่ 3
- ถ้าเขียนสาเหตการตายคือหัวใจวาย แล้ว เขียนเวลาที่ตายภายใน 40 วินาทีหลังจากนั้น แม้หัวใจวายตายก็จะบังคับเวลาตายได้ โดยเวลาที่ตายนั้น สามารถกำหนดให้อยู่ภายใน 40 วินาทีหลังจากที่เขียนชื่อก็ได้
- แม้ไม่ใช่ผู้ครอบครองเดธโน้ต แต่ถ้าแตะต้องมันก็จะสามารถมองเห็นและได้ยินเสียงของยมทูตผู้ เคยเป้นเจ้าของเดธโน้ตด้วยเช่นกัน

ข้อที่ 4
- ผู้ครอบ ครองเดธโน้ต จะถูกยมทูตผู้เคยเป็นเจ้าของเดธโน้ตติดตามไปจนกว่าจะตาย
- โดยปกติ ยมทูตจะมาปรากฏกายให้ผู้ใช้เดธโน้ตเห็นภายใน 39 วัน
- ยมทูต ผู้เคยเป็นเจ้าของเดธโน้ตไม่มีสิทธิ์ช่วยเหลือหรือขัดขวางความตายที่กำหนดไว้แล้วในบันทึกนี้
- ยมทูตไม่มีหน้าที่อธิบายวิธีใช้เดธโน้ตหรือกฎที่จะใช้ กับผู้ครอบ ครองเดธโน้ตนี้ใดๆทั้งสิ้น

ข้อที่ 5
- ยมทูตสามารถยืด อายุขัยให้ตัวเองได้โดยการเขียนชื่อมนุษย์ลงในเดธโน้ตแต่มนุษย์ทำเช่นนั้นไม่ได้
- มนุษย์สามารถใช้เดธโน้ตลดอายุขัยตัวเองได้
- มนุษย์ผู้ใดครอบครอง เดธโน้ต ถ้าใช้อายุขัยที่เหลือของตนเองครึ่งหนึ่งเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนจะได้รับเนตรยมทูต ซึ่งทำให้สามารถล่วงรู้ชื่อและอายุขัยของมนุษย์คนใดๆก็ได้เพียงแค่มองใบหน้า
- แม้จะใช้มีดแทงหรือยิงปืนเจาะกระโหลกศีรษะ ก็ไม่สามารถฆ่ายมทูตได้ แต่มีวิธีที่ยมทูตตน นึงฆ่ายมทูตที่ไม่รู้จักได้

ข้อที่ 6
- สภาพการตายที่ เขียนลงในเดธโน้ตจะต้องเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทางกายภาพกับมนุษย์ผู้นั้น หรือเป็นสิ่งที่เกิดกับมนุษย์ผู้นั้นแล้วไม่ผิดแปลกอะไร
- ขอบเขตของรายละเอียดสภาพ การตายที่สามารถเป็นไปได้นั้น ยมทูตเองก็ไม่รู้ ต้องตรวจสอบแล้วพิสูจน์เอาเอง

ข้อที่ 7
- เดธโน้ตที่ถูกฉีกออกมา จะทั้งหน้าหรือแค่ชิ้นส่วนเล็กๆ ก็มีคุณสมบัติใช้ได้เช่นกัน
- หากดูแล้วเป็นตัวหนังสือแล้ว ล่ะก็ จะใช้อะไรเขียนลงในเดธโน้ตโดยตรงก็ได้ จะเป็นเครื่องสำอางค์หรือเลือดก็ไม่มีปัญหา
- เกี่ยวกับเดธโน้ต ยังมีอีกมากมายหลายสิ่งที่แม้แต่ยมทูตผู้เคยเป็น เจ้าของเดธโน้ตเองก็ไม่ทราบ

ข้อที่ 8
- แม้จะเขียน สาเหตุและสภาพการตายไว้ก่อน แล้วค่อยเขียนชื่อลงไปข้างหน้าทีหลัง ก็ยังมีผลไปตามนั้น แต่มีเวลา19 วันตามปฏิทินโลกมนุษย์ เพื่อที่จะเขียนชื่อลงไป
- แม้จะ ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองเดธโน้ตโดยตรง แต่หากสามารถจำชื่อหรือใบหน้าของคนผู้นั้นแล้วเขียนลงไปในเดธโน้ต ผลที่ออกมาจะเหมือนกับผู้ครอบครองเด ธโน้ตเป็นคนเขียน

ข้อที่ 9
- เดธโน้ตจะไม่มีผลกับผู้มีอายุต่ำกว่า 780 วันหลังเกิด
- เดธโน้ตจะใช้ไม่ได้ผลหากชื่อของเหยื่อสะกดผิด 4 ครั้ง

ข้อที่ 10
- "ฆ่าตัวตาย" เป็นสาเห ตการตายได้ โดยปกติแล้วมนุษย์ทุกคนมีโอกาสที่จะฆ่าตัวตายได้ ไม่ถือว่าเป็น "สิ่งที่ไม่คาดคิดหรือไม่น่าเชื่อ"
- ไม่ว่าสาเหตการตายจะเป็นการฆ่า ตัวตายหรืออุบัติเหตุ ก็ไม่สามารถทำให้คนอื่นที่ไม่ได้ถูกเขียนชื่อในเดธโน้ตติดร่างแหตายตามไปด้วย หากจะทำให้คนอื่นติดร่างแหไปด้วย คนที่ถูกเขียนชื่อจะหัวใจวายแทน ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่ทำให้บุคคลที่ 3 ตาย

ข้อที่ 11
- หลังจากบันทึกชื่อ เวลาตาย สภาพการตายลงในเดธโน้ตแล้ว สามารถเปลี่ยนเวลาตายและสภาพการ ตายกี่ครั้งก็ได้ ภายในเวลา 6 นาที 40 วินาที ทว่าแน่นอนแม้จะมีเวลาให้ 6 นาที 40 วินาที การเปลี่ยนแปลง จะมีผลก็ต่อเมื่อก่อนผู้เคราะห์ร้ายจะตายเท่านั้น
- ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่เขียนลงในเดธโน้ตภายในเวลา 6 นาที 40 วินาที ก่อนอื่นต้องขีดฆ่าตัว อักษรในส่วนที่ต้องการจะแก้ไขด้วยเส้นตรงสองเส้น
- เวลาและสภาพการตายสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างที่เขียนไว้ข้างต้น แต่การตายของมนุษย์ที่ถูกเขียนชื่อ ลงไป ไม่สามารถลบได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม

ข้อที่ 12
- ในกรณีที่ทำเดธโน้ตหายหรือถูกขโมยไป หากนำกลับคืนมาไม่ได้ภายในเวลา 490 วัน ก็จะสูญเสียสิทธิความเป็นเจ้าของไป
- ผู้ที่แลกเปลี่ยนดวงตากับยมทูต หากสูญเสียสิทธิในความเป็นเจ้าของเดธโน้ตไปพลังของดวงตายมทูตจะสูญหายไปพร้อมกับความทรงจำเกี่ยวกับเดธโน้ต ทว่าอายุขัยที่สูญเสียไปครึ่งหนึ่งก็จะไม่กลับมาเป็นเช่นเดิม

ข้อที่ 13
- คุณสามารถให้คนอื่นยืมเดธโน้ตไปได้ โดยสิทธิในความเป็นเจ้าของยังคงอยู่ คนที่ยืมไปจะให้คนอื่นยืมต่อก็ได้
- ยมทูตจะไม่ติดตามผู้ที่ยืมเดธโน้ตไป ยมทูตจะติดตามเฉพาะแต่ผู้ที่ถือสิทธิเป็นเจ้าของเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ที่ยืมไปจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนดวงตากับยมทูต ได้

ข้อที่ 14
- ในกรณีที่ผู้เป็นเจ้าของเดธโน้ตเสียชีวิต ในขณะที่เดธโน้ตถูกยืมไป สิทธิในความเป็นเจ้าของจะถูกโอนไปยังผู้ที่ครอบครองมันอยู่ในเวลานั้น
- ในกรณีที่เดธโน้ตถูกขโมย และผู้ขโมยลงมือสังหารผู้ครอบ ครองเดธโน้ต สิทธิในความเป็นเจ้าของจะถูกโอนมายังผู้ขโมยโดยอัตโนมัติ

ข้อที่ 15
- หาเขียนชื่อเดียวกันบนเดธโน้ตตั้งแต่สองเล่มขึ้นไป เดธโน้ตเล่มที่เขียนแรกสุดจะส่งผลก่อนเสมอ โดยไม่เกี่ยวกับเวลา ตายที่ระบุไว้
- หากเขียนชื่อเดียวกันลงบนเดธโน้ตตั้งแต่สองเล่มขึ้นไป โดยเสร็จช้าไวแตกต่างกันภายใน 0.06 วินาที จะถือว่าสิ่งที่เขียนลงไปเป็นโมฆะ และผู้ที่ ถูกเขียนชื่อลงไปจะไม่ตาย

ข้อที่ 16
- ยมทูตจะต้องครอบครองเดธโน้ตอย่างน้อย 1 เล่ม ซึ่งโน้ตเล่มนั้นไม่สามารถมอบให้มนุษย์ได้ รวมทั้งไม่อนุญาตให้มนุษย์ เขียนลงไปด้วย
- ยมทูตสามารถแลกเปลี่ยนเดธโน้ตกับเพื่อนยมทูตหรือเดธโน้ตของยมทูตตนอื่นได้

ข้อที่ 17
- หากยมทูตโปรดปรานมนุษย์คนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษและใช้เดธโน้ตฆ่ามนุษย์คนอื่นเพื่อยืดอายุขัย ให้มนุษย์ผู้นั้น ยมทูตตนนั้นจะต้องจบชีวิต
- แม้ยมทูตที่จบชีวิตจะดับสูญไป แต่เดธโน้ตจะยังคงอยู่ สิทธิผู้ครอบครองเดธโน้ตจะตกไปอยู่กับยมทูตผู้แตะเดธโน้ต เป้นคนถัดไป แต่เป็นที่รู้กันว่าเดธโน้ตจะถูกส่งกลับคืนไปยังท่านยมราช

ข้อที่ 18
- แม้ในหมู่มนุษย์ผู้ครอบครองเดธโน้ตในโลกมนุษย์ด้วยกันเอง ตราบใด ที่ไม่ได้แตะเดธโน้ตของแต่ละฝ่าย ก็ไม่สามารถเห็นหรือได้ยินเสียงยมทูตที่สิงอีกฝ่ายอยู่ได้
- มนุษย์ผู้มีเนตรยมทูตจะสามารถมองเห็นชื่อและอายุขัยของมนุษย์ที่ เห็นหน้าได้แต่ด้วยการมีเดธโน้ต ทำให้มนุษย์คนนั้นเปลี่ยนจากผู้ที่ถูกดึงเอาชีวิตไป กลายเป้นผู้เด็ดชีวิต จาก ความคิดที่ว่ามองเห็นเพียงอายุขัยของมนุษย์ที่ต้องฆ่าก็พอแล้ว จึงไม่สามารถเห็นอายุขัยของมนุษย์คนอื่นที่มีเดธโน้ต รวมทั้งของตนเองได้
- ยมทูตไม่สามารถ บอกมนุษย์ถึงชื่อและอายุขัยที่มองเห็นจากเนตรยมทูตได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความวุ่นวายขึ้นในโลกมนุษย์

ข้อที่ 19
- เดธโน้ตที่ใช้อยู่บนโลกมนุษย์นั้น มาจากเจตจำนงค์ของยมทูตที่มีชีวิตอยู่ว่าจะนำเดธโน้ตมาให้ มนุษย์บนโลกใช้
- นอกจากนี้ แม้จะเป็นไปได้ยากที่ยมทูตที่เข้าสิงสู่มนุษย์อยู่จะตาย แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ไม่สงผลกระทบใดๆ กับอิทธิฤทธิ์ของเดธโน้ตที่ยมทูต ตนนั้นนำมายังโลก

ข้อที่ 20
- ในการใช้เนตรยมทูตดู ชื่อและอายุขัยของมนุษย์ จำเป็นจะต้องเห็นใบหน้าซีกขวาซ้ายมากกว่าครึ่งหนึ่งของมนุษย์ผู้นั้น ในกรณีมองจากบนลงล่าง จะต้องเห็นตั้งแต่จากหัวถึงจมูก ถ้ามองจากตาลงมาจะไม่สามารถรู้ชื่อและอายุขัยได้ นอกจากนี้ แม้ส่วนหนึ่งของใบหน้า เช่น ตา จมูก หรือปากถูกปิด ไว้ แต่หากสามารถมองเห็นโครงใบหน้าได้ทั้งหมด ก็จะรู้ชื่อและอายุขัยได้ การจะรู้ว่ากี่เปอร์เซนต์ของใบหน้า ถูกซ่อนไว้แล้วจะมองไม่เห็นชื่อและอายุขัยนั้นจะต้องทำการค้นหาเอาเองต่อไป
- ถ้าเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วน จะสามารถเห็นชื่อและอายุขัยจากภาพถ่ายหรือภาพ จากกล้องวีดีโอได้ ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน แต่บางทีก็อาจมองไม่เห็น ขึ้นอยู่กับขนาดและความคมชัดของภาพดัง กล่าวด้วย แต่หากเป้นภาพวาดเหมือน ไม่ว่าจะวาดเหมือนขนาดไหนก็ไม่สามารถมองเห็นหน้าและอายุขัยได้

ข้อที่ 21
- เมื่อว่าเมื่อก่อนจะมีสายตาเช่นไร มนุษย์ที่มีเนตรยมทูตก็จะมีระดับสายตาเกิน 3.6 ทันที

ข้อที่ 22
- มนุษย์ผู้เสียสิทธิ์การครอบครองเด ธโน้ตจะสูญเสียความทรงจำที่เคยใช้เดธโน้ตไปจนหมดสิ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลืมความทรงจำทั้งหมดตั้งแต่ได้รับจนถึงสูญเสียเดธโน้ตไป หากแต่จะหลงลืมไปเพียงความทรงจำของตนที่เกี่ยวพันกับเดธโน้ตเท่านั้น

ข้อที่ 23
- หากมนุษย์ที่ครอบครองเดธโน้ตมากกว่าสองเล่ม สูญเสียสิทธิ์ในการครอบครองเดธโน้ตเล่มหนึ่งไป เขาจะมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงของยมทูตที่สิงอยู่กับเดธโน้ตเล่มนั้นและยมทูตเองก็จะแยกตัวออกไปด้วย ทว่าตราบใดที่เขายังถือสิทธิ์ครอบครองเดธโน้ตซักเล่มหนึ่งไว้ ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับเดธโน้ตจะไม่หายไป

ข้อที่ 24
- ยมทูตอยู่ในโลกมนุษย์ไม่ได้หากไม่มีเหตุผลเฉพาะ เงื่อนไขที่จะทำให้อยู่ในโลกมนุษย์ได้ คือ
1. มอบเดธโน้ตของตัวเองให้มนุษย์ครอบครอง
2. การเฟ้นหามนุษย์ที่จะครอบครองเดธโน้ตได้ จะต้องทำในโลกยมทูต แต่ก็สามารถเลือกหาในโลก มนุษย์ได้เช่นกัน หากใช้เวลาภายใน 82 ชม.
3. ในกรณีที่ติดตามดูมนุษย์คนหนึ่งอย่างใกล้ชิดโดยมีจุดประสงค์จะฆ่า หากติดตามมนุษย์คนนั้นก็สามารถอยู่ในโลก มนุษย์ได้ภายใน 82 ชม.

ข้อที่ 25
- ในกรณีที่ยมทูต มอบเดธโน้ตให้กับมนุษย์โดยตรง จะมอบให้กับเด็กที่อายุไม่ถึง 6 ปี ตามเวลาในโลกมนุษย์ไม่ได้
- แม้มอบให้เด็กอาบุต่ำกว่า 6 ปีไม่ได้ แต่เดธโน้ตที่ตกลงบนโลก และกลายเป็นของโลกมนุษย์ไปแล้ว มนุษย์ผู้เก็บได้ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็นำไปใช้ได้ผลเช่นเดียวกัน

ข้อที่ 26
- ในกรณีที่ระบุลงไปแค่ว่า "เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ" แต่ไม่ได้ระบุสาเหตการตายหลัง จากที่เขียนเสร็จ 6 นาที 40 วินาที เหยื่อจะประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตภายในระยะเวลาอันสั้นสุด
- ในกรณีตายด้วยอุบัติเหตุ หากชื่อของผู้ประสงค์จะให้ตายถูกเขียนลงในเดธโน้ตเพียงชื่อเดียว แต่กลับส่งผลกระทบต่อโลกมนุษย์ ทำให้มีคนต้องเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ภายหลังเหตุการณ์นั้นผู้ตายจะเปลี่ยนมาเสียชีวิตจากหัวใจวาย

ข้อที่ 27
- หากระบุให้ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บในเดธโน้ต ในกรณีที่กำหนดโรคและเวลาเสียชีวิต หาก กำหนดเวลาไว้ไม่เพียงพอที่โรคจะกำเริบจนรุนแรงถึงตาย เหยื่อจะตายจากหัวใจวายหลังจากถูกเขียนชื่อลงใน เดธโน้ตแล้ว 6 นาที 40 วินาที
- ในกรณีที่เขียนว่าตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ หากระบุเพียงเวลาตายโดยไม่กำหนดโรคเหยื่อจะล้มป่วยจนถึงแก่ความตายในเวลาที่ กำหนดด้วยโรคที่เหมาะสม ทว่า เวลาเสียชีวิตที่เดธโน้ตสามารถบังคับได้ มีกำหนดอยู่ที่ภายในเวลา 23 วัน ตามเวลาโลกมนุษย์

ข้อที่ 28
- ในกรณีที่ระบุให้ตาย ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ โดยระบุแต่ชื่อโรคแต่ไม่ได้กำหนดระยะเวลา หากใช้เวลาเกินกว่า 24 วันกว่ามนุษย์ผู้นั้นจะตายด้วยโรคนั้น กฎควบคุมเวลาตาย 23 วันจะไม่ส่งผล และมนุษย์ผู้นั้นจะตายด้วยโรคนั้นๆด้วยระยะเวลาที่เหมาะสม
- แม้ในกรณีข้างต้น การจะเขียนแก้ สาเหตุและสภาพการตายก็สามารถทำได้ภายในระยะเวลา 6 นาที 40 วินาที แต่เวลาตายนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะตายเร็วขนาดไหน

ข้อที่ 29
- ไม่ สามารถฆ่ามนุษย์ที่มีอายุตั้งแต่ 124 ปี ขึ้นไปตามเวลาในโลกมนุษย์ด้วยเดธโน้ต
- ไม่สามารถฆ่ามนุษย์ที่มีอายุขัยเหลือน้อยกว่า 12 นาที ตามเวลาในโลกมนุษย์ได้ ด้วยเดธโน้ต

ข้อที่ 30
- เมื่อตกลงแลกดวงตายมทูตแล้ว อายุขัยของมนุษย์ที่มองเห็นจากดวงตานั้น จะเป็นอายุขัยที่แท้จริงของมนุษย์(อายุขัยแต่แรกเริ่มไม่เกี่ยวกับผลจากเดธโน้ต)
- ชื่อของมนุษย์ที่เห็นด้วยดวงตา ยมทูตจะเป็น "ชื่อที่จำเป็นสำหรับการฆ่ามนุษย์ผู้นั้น" แม้จะไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน แต่ก็จะสามารถเห้นชื่อที่จำเป็นต้องใช้ในการสังหารได้

ข้อที่ 31
- ไม่ว่าจะเขียนชื่อลงไปมากเท่าไหร่ หน้ากระดาษในเดธโน้ตก็ไม่มีวันหมด

ข้อที่ 32
- ในกรณีที่ครอบครองเดธโน้ตตั้งแต่ 2 เล่มขึ้นไป หากนึกหน้าของเยื่อคนเดียวกันแล้วเขียนชื่อลงใน เดธโน้ตเล่มหนึ่ง แต่เขียนสาเหตุการตายในเดธโน้ตอีกเล่มหนึ่งก็จะยังมีผลอยู่ดี ในทางกลับกันหากเขียน สาเหตุการตายในเดธโน้ตเล่นหนึ่ง จากนั้นจึงเขียนชื่อเหยื่อในเดธโน้ตอีกเล่ม ก็จะให้ผลเช่นเดียวกัน
- วิธีนี้ยังสามารถใช้ได้โดยผู้ครอบครองเดธโน้ตสองคนร่วม มือกัน ซึ่งในกรณีนี้ผู้ครอบครองเดธโน้ตต้องเคยแตะเดธโน้ตของอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อน

ข้อที่ 33
- หากสูญเสียสิทธิ์ในการครอบครองเดธโน้ต จะไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียงยมทูตที่สิงสู่อยู่ในเดธโน้ตได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามหากมีมนุษย์คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ครอบครองแตะเดธโน้ต คนผู้นั้นจะมองเห็นและได้ยินเสียงยมทูต เจ้าของเดธโน้ต
- ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ไม่ใช่ผู้ครอบครองเดธโน้ตที่มองเห็นและได้ยินเสียงยมทูตจากการแตะเดธโน้ตจะมองเห็นยมทูตไปตลอด จนกว่าจะได้เป็นเจ้า ของเดธโน้ตจริงๆและสูญเสียสิทธิ์ครอบครองเดธโน้ตไป

ข้อที่ 34
- ยมทูตที่อยู่ในยมโลกไม่สามารถฆ่ามนุษย์ที่ครอบครองเดธโน้ตได้
- ยมทูตที่ขึ้นมา บนโลกมนุษย์โดยมีจุดประสงค์จะฆ่าผู้ครอบครองเดธโน้ตก็ไม่สามารถฆ่าผู้ครอบครองเดธโน้ตได้เช่นกัน
- มีเพียงยมทูตที่เคยมอบเดธโน้ตให้มนุษย์เท่านั้นจึงจะ สามารถฆ่ามนุษย์ผู้ครอบครองเดธโน้ตได้

ข้อที่ 35
- หากจงใจเขียนชื่อลงในเดธโน้ตผิด 4 ครั้งเพื่อไม่ให้ผู้ถูกเขียนชื่อตาย เจ้าของเดธโน้ตผู้ที่เป้นคนเขียนชื่อจะต้องตายเอง
- มนุษย์ที่ถูกเขียนชื่อผิดแบบจงใจจะยัง คงตายอยู่ดี แม้จะเขียนชื่อผิดถึง 4 ครั้งแล้วก็ตาม

ข้อที่ 36
- ยมทูตมีทั้งยมทูตชายและยมทูตหญิง แต่ไม่สามารถและไม่อนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์กับมนุษย์หรือแม้แต่ยมทูตด้วยกัน

ข้อที่ 37
- เมื่อได้สิทธิ์ครอบครองเดธโน้ตกลับคืนมาอีกครั้ง ความทรงจำที่เกี่ยว กับเดธโน้ตเล่มนั้นจะกลับคืนมา และหากมีเดธโน้ตเล่มอื่นที่เคยเกี่ยวข้องด้วยแม้จะบังเอิญ ความทรงจำที่เกี่ยว กับเดธโน้ตเหล่านั้นทั้งหมดก็จะกลับมาเช่นกัน
- แม้จะได้สิทธิ์ครอบครองเดธโน้ตกลับมาหากได้แตะเดธโน้ตนั้นความทรงจำทั้งหมดก็จะกลับมาอยู่ดีแต่แค่ช่วงที่ แตะเท่านั้น

ข้อที่ 38
- เมื่อสูญเสียสิทธิ์ครอบครองเด ธโน้ต ความทรงจำที่เกี่ยวกับเดธโน้ตเล่มนั้นจะหายไป แต่สามารถได้ความทรงจำกลับมาอีกครั้ง โดยการได้สิทธิ์ครอบครองเดธโน้ตกลับมาอีกครั้งหรือแตะเดธโน้ตอีกครั้ง แต่ว่าทำได้ 6 ครั้งเท่านั้นต่อเดธโน้ต 1 เล่ม
- ดังนั้น หากความทรงจำกลับมาจากการแตะหรือได้ สิทธิ์ครอบครองเดธโน้ตครบ 6 ครั้งและหากได้เดธโน้ตเล่มนั้นกลับมา ก็ต้องใช้เดธโน้ตเล่มนั้นโดยที่ไม่มีความทรงจำเหลืออยู่อีกเลย

ข้อที่ 39
- มนุษย์ ที่มีดวงตายมทูตไม่สามารถมองเห็นและอายุไขของคนที่ตายไปแล้วได้ แม้จะดูรูปถ่ายของผู้นั้นก็ตาม

ข้อที่ 40
- เดธโน้ตที่ตกอยู่ในโลกมนุษย์เนื่องจากยมทูตเจ้าของเดธโน้ตตายนั้น หากมนุษย์คนไหนเก็บไปได้ มนุษย์ผู้นั้นก็เป็นเจ้าของเดธโน้ตเล่มนั้นไป
- อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้หากไม่ใช่มนุษย์ที่มองเห็นและได้ยินเสียงยมทูต ก็ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสเดธโน้ต ได้
- กรณีนี้อาจมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่หากยมทูตเก็บโน้ตที่ว่ามาข้างต้นได้ เดธโน้ตเล่มนั้นก็จะเป็นของยมทูตตนนั้นไป

ข้อที่ 41
- ถึงจะใช้ยางลบหรือน้ำยาลบคำผิดลบชื่อหรือตัวอักษรที่เขียนบนเด ธโน้ตไป ก็ไม่มีความหมาย

ข้อที่ 42
- มีบางกรณีที่ การมีอยู่ของเดธโน้ตบนโลกมนุษย์ส่งผลต่อชีวิตมนุษย์ ทำให้ตายก่อนสิ้นอายุขัยเดิมแม้จะไม่ได้เขียนชื่อลงบนเดธโน้ตก็ตาม ในกรณีไม่ว่าจะตายด้วยวิธีไหนอายุขัยที่มองเห็นด้วยดวงตายมทูตก็จะเป็นอายุขัยเดิม ไม่ใช่อายุขัยที่สั้นลง

ข้อที่ 43
- ในกรณีที่เคยใช้เดธโน้ตที่ยมทูตเป็นเจ้าของกลายเป็นสิ่งของบนโลกมนุษย์โดยขัดกับ ความตั้งใจของยมทูตตนนั้น ยมทูตตนนั้นก็จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในโลกมนุษย์เพื่อเอาโน้ตคืน
- ใน กรณีนั้น หากมีโน้ตเล่มอื่นที่อยู่ในโลกมนุษย์ก็ไม่อนุญาตให้ยมทูตบอกที่อยู่ของผู้ครอบครองเดธโน้ตเล่มนั้นแก่มนุษย์อย่างเด็ดขาด

ข้อที่ 44
- ในกรณีที่เดธโน้ตที่ยมทูตตนหนึ่งเป็นเจ้าของถูกยมทูตอีกตนหนึ่ง หลอกเอาไป ก็ต้องให้ยมทูตที่เอาโน้ตไปคืนโน้ตมาให้เท่านั้น แต่ถ้าหากมนุษย์เป็นผู้ที่ครอบครองโน้ตใน สภาพที่ไม่มียมทูตสิงสู่ ยมทูตต้องให้มนุษย์ผู้นั้นแตะโน้ตนั้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อกลายเป็นยมทูตตามสิงสู่มนุษย์ผู้นั้น จากนั้นรอวันตายของมนุษย์ผู้นั้นและแตะเดธโน้ต ให้ได้ก่อนที่มนุษย์คนอื่นจะมาแตะ หรือจนกว่ามนุษย์ผู้นั้นจะคืนเดธโน้ตมาให้เอง

ข้อที่ 45
- หากยมทูตได้เห็นหน้า รู้ชื่อและอายุขัยของมนุษย์ผู้หนึ่งแม้เพียงครั้ง เดียวก็สามารถรู้ที่อยู่ของมนุษย์ผู้นั้นได้จากหลุมในยมโลก

ข้อที่ 46
- ในยมโลกมีกฏข้อบังคับสำหรับยมทูตอยู่ ซึ่งหากฝ่าฝืนกฏก็จะถูกลงโทษตั้งแต่ระดับ 8 ถึงระดับ 1 และระดับพิเศษ ซึ่งบทลงโทษระดับ 3 ขึ้นไปนั้น หลังจากรับโทษแล้วยมทูตผู้นั้นก็จะตาย
- ตัวอย่างเช่น ฆ่ามนุษย์โดยไม่ใช้เดธโน้ตถือเป็นความผิดร้าย แรงระดับพิเศษ เป็นต้น

ข้อที่ 47
- การสูญเสียความ ทรงจำเกี่ยวกับเดธโน้ตโดยการมอบสิทธิ์ครอบครองเดธโน้ตให้มนุษย์คนอื่นหรือทิ้งโน้ตไปนั้น จะเกิดขึ้นในกรณีที่มีสิทธิ์ครอบครองแต่ไม่ได้เขียนชื่อลงไป ความทรงจำเกี่ยวกับโน้ตเล่มนั้นก็จะไม่หายไป อย่างไรก็ตาม ผู้ครอบครองโน้ตจะไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียง ของยมทูตเจ้าของโน้ตอีกต่อไป และยังสูญเสียตายมทูตที่ได้รับมาอีกด้วย

ข้อที่ 48
- ยมทูตถึงไม่ได้นอนก็ไม่มีวันตาย ทั้งยังไม่จำเป็นต้องนอนอีกด้วย การ นอนหลับของยมทูตแตกต่างจากการนอนหลับของมนุษย์ เรียกกันง่ายๆว่า ความเกียจคร้านเสียมากกว่า
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งยมทูตที่อยู่ในโลกมนุษย์ซึ่งมอบเดธโน้ตของตนให้มนุษย์ใช้ด้วยแล้ว จะต้องคอยเฝ้าดูวาระสุดท้ายของมนุษย์ผู้ถือโน้ตเล่มนั้น จึงขี้เกียจไม่ได้ แต่ก็ ไม่ได้มีข้อบังคับอะไร

ข้อที่ 49
- เดธโน้ตจะสามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้ในเวลาเดียวกันแค่ 6 เล่มเท่านั้น แน่นอนว่าไม่นับเดธโน้ตที่ยมทูตเป็นผู้ถืออยู่ ยมทูตที่มอบโน้ตของตนให้มนุษย์ใช้และสามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้จะมีแค่ 6 ตนเท่า นั้น

ข้อที่ 50
- ยมทูตตนหนึ่งสามารถมอบเดธโน้ตให้ มนุษย์ในเวลาเดียวกันได้แค่ 3 คนเท่านั้น
- หากมนุษย์ที่จะให้เดธโน้ตมีเกิน 3 คน ยมทูตหนึ่งตนสามารถมอบโน้ตสูงสุดไม่เกิน 6 เล่มให้มนุษย์ได้ โดยวิธีมอบให้ ทั้ง 3 คน คนละ 2 เล่ม เป็นต้น

ข้อที่ 51
- อย่างไรก็ ตาม หากในโลกมนุษย์มีเดธโน้ตเล่มที่ 7 อยู่ แม้มนุษย์จะใช้โน้ตเล่มนั้นก็จะไม่เกิดผลอะไร

ข้อที่ 52
- ในกรณีที่ในโลกมนุษย์มีเดธโน้ตตั้งแต่ 7 เล่มขึ้นไป โน้ตที่มีผลคือโน้ต 6 เล่มแรกที่ยมทูตมอบให้มนุษย์เท่านั้น
- โน้ตเล่มที่ 7 จะไม่มีผลใดๆตราบเท่าที่โน้ตเล่มใดเล่มหนึ่งใน 6 เล่มแรกไม่ถูกเผาทำลายหรือกลับคืนสู่ยมทูต และยมทูตนำกลับไปยังยมโลก

ข้อที่ 53 (ปลอม)
- ถ้าผู้ที่เคยใช้โน้ตไปแล้วนั้น ไม่เขียนชื่อผู้อื่นอีกภายใน 13 วัน ผู้ที่ใช้คนนั้นจะต้องตาย

ข้อที่ 54 (ปลอม)
- ถ้าหากโน้ตถูกเผาหรือทำลาย ผู้ที่เคยสัมผัสโน้ตทั้งหมดจะต้องตาย

Ps.คงต้อง"ว่าง"จริงๆถึงจะมานั่งอ่านให้หมดล่ะมั้ง ฮ่าๆ ก็ไม่มีไรจะอัพ หึหึ ถ้าไม่มีไรทำมานั่งอ่านเล่นๆก็ได้จ้า

Ps.2 อัพก่อนกลับจันเนี่ย ฮ่าๆ คงไม่ได้มาอัพอีกหลายวัน(มั้งนะ) เลยเปลี่ยนเฮดกับบีจีใหม่ซะเลย เป็นแนวฟ้าๆเขียวๆดูร่มรื่นดี ฮ่าๆ

Thanks หลายๆ

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2551

เหนื่อย~*

เอาล่ะ วันนี้ไปดูเกรดมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากหัวเราะให้ตะลึง -*- แมร่งน้อยค่ด โทรไปบอกพ่อนี่ พ่อบ่นอย่างแรง เผอิญว่าวันที่ 5 (พรุ่งนี้) ต้องกลับจันด้วย อวยพรให้เค้ากลับมารับน้องครบ 32 ล่ะกันทุกคน TT

พอเสร็จแล้วก็รับสมุดห้องไปขาย เดินไปกับพวกอาร์ท พี่ไบรท์ ป่าน ดาร์ท อาร์ม(ลิง) ปริ๊น ก็นะแรกๆไม่กล้าขายเล้ย -*- ซักพักก็ชิน รู้สึกรายแรกที่ไปคุย(ไปกับพี่ไบรท์)พอจะซื้อปั๊บ เออดีไม่มีเงินทอน ปรากฎพี่เค้าใจดี๊ ใจดีให้เล่มละ 30 เลย แง่มๆ เดินไปหลายที่ ซักพักเริ่มปวดแขน รู้สึกแขนซ้ายมันหลับไปแล้ว -*- ถือแค่ขวดน้ำยังมือสั่นเลยเนี่ย เหอะๆ นี่นั่งพิมพ์มือซ้ายก็ยังปวดๆอยู่เลย รู้สึกไม่มีแรง สงสัยไม่ค่อยได้ใช้มือซ้ายซะล่ะมั้งเนี่ย แต่ก็ขายไปได้เยอะ โดยส่วนใหญ่คนจะซื้อสีดำมากกว่านะ เพราะมันเป็นสีคลาสสิกรึเปล่าก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าเพื่อนๆจากจันที่มาเรียนพิเศษกรุงเทพ เสร็จผมแน่ครับ ฮ่าๆ มีเหยื่อเต็มเลย แล้วก็กะว่าจะมาขายวันรับใบสมัครนี่แหละมั้ง

แล้วเจอกันในเร็วๆนี้ล่ะ.....Bye Bye

Ps.หายปวดแขนไวๆล่ะ

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2551

เตรียมใจ*

เอาล่ะๆ วันนี้วันที่ 3 แล้ว พรุ่งนี้ก็ 4 แล้ว ><~ จะได้ไปดูผลสอบแย้ววว ฮ่าๆ คะแนน ....เหอะๆ เราไม่คิดมาก *-* เราต้องสู้ต้อไป ฮ่าๆ เอาล่ะ พูดถึงเมื่อวานเจออาจารย์ตุลที่ bts จารแกสอนเสร็จ แล้วก็ต้องไปสอนต่อ แหม่ๆ ขยันจริง แต่จารย์บ่นใน bts ประมาณว่า"เหนื่อยจริ๊งๆ ไม่ต้องต่งต้องแต่งงานกันแมร่งแล้ว" 55+ ก็นะเอาซะคนรอบข้างรู้เลยว่าโสด(เพราะแก๊สโซฮอ E20) แล้วก็ลงที่ราชเทวีเหมือนกัน แต่จารต่อสาย 36(มั้ง) ไปต่อ ไปสอนเด็กที่บ้าน เหนบอกว่า ม.3 ตอนแรกก็จะไม่ไปสอน ..แต่ เค้าจะมาเล่าเรืองจารตุลงี้ -*- มันบาปป้ะว่ะ ช่างๆ เล่าต่อ เอ๊อ เปลี่ยนใจ เล่าแล้วรู้สึกบาป -*- เดี๋ยวบาปมันตามทัน

ส่วนวันนี้ก็ไปเรียนเช่นเคย ว่างๆเลยไปสยาม ไปร้านการ์ตูนซักหน่อย อ่ะนะ -*- เอาอีกและ ไม่ได้ไปแปปเดียว(ราวๆ 2 อาทิตย์) ก็ออกใหม่มา 5-6 เล่ม เหอะๆ เปลืองอย่างแรงว่ะ พอเสร็จแล้วก็กลับมาหอเนี่ยล่ะ

ช่วงนี้เนทเป็นไรว่ะ -*- โหลดการ์ตูนไม่ได้เลย รู้สึกใกล้จะลงแดง อยากดูใจจะขาด เอ่อ...เค้าไม่ได้ดูการ์ตูนพวกแบบว่า ดิจิมอน หรือ พวกฮีโร่ปะทะกับสัตว์ประหลาดหรอกนะ อันนั้นเอาไว้เบื่อจริงๆ ..ก็ไม่ดูเฟ้ยย! รู้สึกแก่เกินที่จะดูแบบนั้น เลยมาดูพวกแนวความรัก+ตลกเฮฮา จะมีความสุขกว่า

ฮ่าๆ เจอกันพรุ่งนี้ทู้กโคนนน เตรียมใจ...ไว้ด้วยล่ะ

Ps. ช่วงนี้ร้อนๆ ร้อนๆ แล้วก็ฝนตกหน่อยๆ รักษาสุขถาพด้วยล่ะ

วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2551

START*

และแล้ว...วันแห่งความซ้ำซากจำเจของการเรียนพิเศษก็ได้เริ่มต้นขึ้น เวลาที่เรียนคือช่วงสายถึงบ่าย เรียนเลขวิชาเดียว หุหุ สบายหน่อย แต่เรียนไปก็คงลืมแหงๆอ่ะ ฮ่าๆ มะวานก็คุยกับอาร์ท(รอง)ว่า เออ..ไปเรียนที่บ้านอุ๊นะ ...เอ่อ ไอ้เราก็คิดไปเองว่าอุ๊ อ๋อ อุ๊ สรุปคือตอนเช้านี่ผิดคลาดอย่างแรง ! ไปตึกอุ๊ ปรากฎข้าน้อยต้องไปเรียนสะพานควาย(ฮ่วย) บัตร bts ก็หมดตั้งแต่เมื่อวาน(ซวยว่ะ) สรุปคือเงินหายไปเกลี้ยง 55+ แต่ก่อนไป แวะสยามแป๊ป ก็กะว่าจะไปดูร้านการ์ตูน แต่เอ้อ ขี้เกียจเดิน เลยเข้าร้านดอกหญ้า ว๊าก! ชานะเล่ม 3 ออก ! เมื่อไหร่ว่ะ ก็นะเลยซื้อมา TT(เงินช้านน~)

พอเสร็จก็ไปเรียน วันนี้ไม่มีอะไรเลยจริงๆ นอกจากเรียนแล้ว ก็คงไร้สาระเหมือนๆเดิม แล้วตกลงบล็อกเนี่ย ...เขียนสะเปะสะปะงี้ทุกentryได้ป้ะว่ะ 55+ อ้ะ ต้องไปดู'ตูนแล้วอ่ะ ไปแล้นนนนน